Loading...

Wednesday, February 19, 2020

การใจเย็นและมีสติ เป็นเสน่ห์ที่หาได้ยาก โตขึ้นถึงได้เข้าใจ


 Share
บางทีการใจเย็นและการมีสตินั้น จะทำให้เราดูมีวุฒิภาวะเพิ่มมากขึ้นในการใช้ชีวิต เมื่อเราโตขึ้นเราต้องตัดนิสัยเด็กๆ ทิ้งไป เช่น นิสัยชอบโวยวาย ใจร้อน ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล เพราะว่าการกระทำเหล่านั้น มักจะส่งผลเสียต่อเรามากกว่าผลดี ทำให้บางครั้งเราอาจจะเดือดร้อนเพราะนิสัยเหล่านี้ได้

เชื่อเถอะนะว่าคนที่ใจเย็นและมีสติ มักจะดูมีเสน่ห์ในสายตาของคนอื่น มากกว่าคนที่มีนิสัยใจร้อน และขาดสติยับยั้งชั่งใจ อีกทั้งยังจะช่วยให้เรามีบุคลิกที่ดี ทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งมันเป็นเสน่ห์ที่เราสามารถสร้างมันได้

เพราะฉะนั้นเวลาจะเกิดอะไรก็ตามเราควรที่จะใจเย็น และใช้สติในการแก้ไขปัญหาต่างๆ จะดีกว่านะ เพราะมันดูเป็นคนมีวุฒิภาวะมากกว่าคนที่ใจร้อน ชอบโวยวายและใช้อารมณ์ตัดสินมากๆ เลยล่ะ และเรามี 5 วิธีฝึกเป็นคนใจเย็นมาฝาก ดังนี้ค่ะ

1. เอ่ยขอบคุณให้มากขึ้น

การขอบคุณมีประโยชน์มากมาย การวิจัยหนึ่งแสดงให้เห็นว่าการขอบคุณทำให้เรารู้สึกมีความสุขมากขึ้น เครียดน้อยลง และช่วยทำให้มองโลกในแง่ดีมากขึ้น และการศึกษาที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารด้านจิตวิทยา Psychological Science ในปี 2014 ยังพบอีกว่า การขอบคุณสามารถช่วยให้เรามีความอดทนมากขึ้น

ขณะที่ Ye Li นักวิจัยและผู้ช่วยศาสตราจารย์จากคณะบริหารธุรกิจแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียริเวอร์ไซด์ ได้เปิดเผยว่า การที่เราแสดงออกว่าเรารู้สึกอย่างไรจะช่วยให้เราควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น แถมยังช่วยลดการขาดความอดทนลงได้

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากค่ะ ในการฝึกขอบคุณ ก็แค่เพียงเราเอ่ยคำว่าขอบคุณกับคนที่ทำบางสิ่งให้คุณด้วยรอยยิ้ม หรือนึกขอบคุณตัวเองเมื่อสามารถทำบางสิ่งได้ เมื่อเราขอบคุณจนเป็นนิสัย ก็จะทำให้เรามองโลกในแง่ดี และมีความอดทนมากขึ้นได้อย่างแน่นอนค่ะ

2. มีสติให้มากขึ้น

เชื่อว่าหลายคนก็คงต้องเคยวอกแวกทำในสิ่งที่เราไม่รีบร้อนแทนที่จะทำในสิ่งที่เร่งด่วนมากกว่าโดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว นั่นก็เป็นเพราะเราไม่สามารถจัดลำดับความสำคัญกับสิ่งต่างๆ ได้ หลายครั้งที่ความคิดของเรามักโดดไปมาระหว่างเรื่องนั้นเรื่องนี้ จนทำให้เราไม่สามารถควบคุมความคิดตนเองได้

ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เรารู้สึกยุ่งยากและวุ่นวายอยู่ตลอดเวลา จนทำให้เรากลายเป็นคนเร่งรีบและมีความอดทนน้อยลง การมีสติและการตระหนักถึงความคิดของเราอยู่เสมอ จะช่วยทำให้เราสามารถจัดระเบียบความคิดของเราได้ดียิ่งขึ้น



ลองเขียนความคิดต่างๆ ของคุณลงในกระดาษดูค่ะ จะช่วยให้คุณจัดการความคิดของตัวเองได้ และทำให้เรารู้ว่าสิ่งใดที่ทำให้เรารู้สึกรีบเร่ง หรือทำให้เราไม่มีความอดทน วิธีนี้จะช่วยให้เราสามารถควบคุมความคิดไม่ให้วอกแวกได้ง่ายๆ ค่ะ

3. ฝึกตัวเองให้รู้จักการรอคอย

ความพึงพอใจที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับในสิ่งที่ต้องการทันทีทันใด แม้จะทำให้เรารู้สึกดี แต่นักวิจัยทางจิตวิทยากลับมองว่ามันให้ความหมายที่ตรงข้ามกัน โดยในการศึกษาหนึ่งพบว่าการรอคอยบางสิ่งจะทำให้เรารู้สึกมีความสุขในระยะยาวมากกว่า

ซึ่งการทำให้เรามีนิสัยการรอคอยที่ดีที่สุด ก็คือการฝึกตัวเองให้รู้จักการรอนั่นเอง โดยอาจจะเริ่มจากการรอในระยะเวลาสั้น ๆ สัก 10 นาที หรือการรอคอยรายการโทรทัศน์ที่ชอบที่ฉายในช่วงวันหยุด

เมื่อเราสามารถรอจนเป็นนิสัยได้แล้ว ก็จะทำให้เรามีความอดทนมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แถมยังทำให้คุณมีความสุข และไม่หงุดหงิดเมื่อต้องพบกับสถานการณ์ที่ต้องรอนานๆ อีกด้วย

4. ฝึกยอมรับความยากลำบากให้ได้

บางครั้งความสะดวกสบายก็ไม่ได้ดีเสมอไป เพราะความสะดวกสบายเหล่านั้นจะทำให้เรารู้สึกมีความอดทนน้อยลง และเมื่อเราต้องเจอกับความยากลำบากเราจึงไม่สามารถอดทนกับมันได้

ดังนั้น เราจึงควรที่จะฝึกให้ตนเองทนกับความยากลำบาก และความไม่สะดวกสบายให้ได้ และเมื่อเราสามารถอดทนกับสิ่งเหล่านั้นได้ เราก็จะมีความอดทนมากขึ้น และสามารถมีความสุข แม้ว่าต้องพบเจอกับสิ่งที่ดูยากลำบากก็ตาม

5. หายใจลึกๆ

เมื่อเรารู้สึกว่าหลายๆ สิ่งมันไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้ การถอนหายใจแล้วหายใจเข้าลึกๆ ก็สามารถช่วยให้เราสงบจิตใจและร่างกายตัวเองได้ ซึ่งวิธีการผ่อนคลายง่ายๆ นี้จะช่วยทำให้ช่วยลดความกระวนกระวายใจที่ซึ่งจะนำพาความรู้สึกในแง่ลบต่างๆ อย่างเช่น อารมณ์หงุดหงิด เสียใจ ผิดหวัง หรือโกรธเคืองลงได้ค่ะ

ความอดทนเป็นสิ่งที่เราต้องฝึกฝนด้วยตนเอง เช่นเดียวกับการมองโลกในแง่ดี เพราะไม่มีใครสามารถช่วยเราได้ และมันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะทำ ถ้าหากเรามีความอดทนมากขึ้นเราก็จะมีความสุขมากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งสิ่งของภายนอกเลยล่ะค่ะ
Loading...