หรือใส่น้อยมาก ลองมาดูผลของการใส่บาตรบ้าง ว่าเราจะได้อะไร จากการที่เราใส่บาตร ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ
สิ่งเหล่านี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่เรา ควรจะต้องรู้ และเอามาปฏิบัติในชีวิต จะทำให้เรา เป็นคนที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
และเราก็จะมีความสำเร็จในชีวิต มากกว่าเดิม
ประการที่ 1 การใส่บาตรทุกวันย่อมได้รับอานิสงส์ 5 ประการ ที่ตามพุทธเจ้าตรัสไว้ คือ เป็นที่รักของผู้คนทั้งหลาย
เป็นคนดีมีปัญญาย่อมชอบคบค้าสมาคมด้วย,มีชื่อเสียงที่ดีงาม,เป็นผู้ไม่ห่างไกลธรรม
ประการที่ 2 การใส่บาตรทุกวันทำให้จิตใจเกาะอยู่กับความดี เป็นการฝึกจิตให้คลุกเคล้าอยู่กับกุศล
ซึ่งเป็นทางแห่งความเจริญที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรับรองว่า “ผู้ฝึกจิตดีแล้วย่อมนำสุขมาให้”
เพราะเมื่อตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่จะนึกถึงคือจะหาอะไรใส่บาตรดี ซึ่งจุดนี้ก็เรียกว่าเป็นสังฆานุสติ
เพราะนึกถึงพระสงฆ์ และจาคานุสติ เพราะนึกถึงสิ่งที่จะนำใส่บาตรพระ ถือเป็น
บุญการเจริญพระกรรมฐานถึง 2 กองด้วยกัน
ประการที่ 3 เป็นการลดความตระหนี่ถี่เหนียว บรรเทาความเห็นแก่ตัว สร้างใจให้เป็นสุขและ
สร้างสังคมให้ร่มเย็น เพราะเป้าหมายหลัก ของการให้ทานที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ คือ
เพื่อกำจัดความตระหนี่ มุ่งสู่ความดีและความเสียสละ
ประการที่ 4 เป็นการต่อบุญต่อลาภให้แก่ตนเอง เพราะการใส่บาตรเป็นการเสริมทานบารมีโดยตรง
เป็นการสร้างทางแห่งความมั่งคั่งร่ำรวยและความคล่องตัวในโลก ยิ่งทำทุกวันกุศลก็ยิ่งส่งผลอย่างต่อเนื่อง
ประการที่ 5 เพื่อการอุทิศส่วนกุศลให้แก่บุคคลอันเป็นที่รักที่ล่วงลับไปแล้ว อันเป็นการแสดงความกตัญญูต่อผู้มีคุณ
ประการที่ 6 เป็นการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของเรา
เอาไว้ เพื่อความงดงามและมีเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของชนชาติ
ประการที่ 7 เป็นแบบอย่างการส่งต่อความดีจากรุ่นสู่รุ่นเพื่อให้ลูกหลานมีแบบอย่างในการทำความดีสืบต่อไป
เพราะถ้าคนเป็นพ่อแม่ไม่ทำตัวอย่างไว้ ลูกหลานก็ไม่มีตัวอย่างดู ต่อไปคนรุ่นใหม่ก็จะไม่กล้าทำ
แล้ววัฒนธรรม ที่ดีงามของเราก็จะสูญสลายไปในที่สุด
ประการที่ 8 เป็นการสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา เพราะพระสงฆ์สามเณรต้องอยู่ด้วยการบิณฑบาตเลี้ยงชีพ
ถ้าไม่มีใครใส่บาตรก็ไม่มีอาหาร เมื่อไม่มีอาหารย่อมไม่อาจดำรงชีพอยู่ได้
แล้วพุทธศาสนาก็อาจจะสิ้นสุดลงในยุคปัจจุบัน
ประการที่ 9 การใส่บาตรเป็นการสร้างความปรองดองให้กับชาวพุทธ เป็นการหยุดวิกฤตความศรัทธา
เพราะถ้าชาวพุทธทุกบ้านพร้อมเพรียงกันใส่บาตร จะเกิดเป็นพลังแห่งความสามัคคีขึ้น ซึ่งพลังดัง
กล่าวนี้จะช่วยสร้างสรรค์สังคมให้เกิดความสงบสุข ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ความสามัคคีของหมู่คณะ
ย่อมทำให้เกิดสุข” ทำให้ชาวพุทธมีความเข้มแข็ง และสามารถจะสร้างกรอบอันดีงาม
ให้แก่ภิกษุสามเณรทั้งหลายไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางได้